บันทึกครั้งที่ 6
วันพุธที่ 15 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 08:30 - 12:30 น.
เนื้อหาที่ได้เรียน / ความรู้ที่ได้รับ
รูปแบบการจัดการศึกษา
-การศึกษาปกติทั่วไป
(Regular Education)
-การศึกษาพิเศษ
(Special Education)
-การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ
Mainstreaming)
-การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated
Education หรือ Mainstreaming)
การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกันใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวันครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
-การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
-เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก
และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
-เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก
จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
-การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
-เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
-มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน
ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
-เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์
เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน
มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive
Education)
-การศึกษาสำหรับทุกคน
-รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
-จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
-ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
-“สอนได้”
-เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
-ครูไม่ควรวินิจฉัย
-ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
-ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
-ครูทำอะไรบ้าง
-ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
-ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
-สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
-จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
-ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
-ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
-พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
ต่อมาอาจารย์ให้ทำกิจกรรมวาดรูปดอกบัว โดยให้นักศึกษาวาดภาพดอกบัวให้เหมือนกับแบบแล้วอธิบายสิ่งที่เห็นจากภาพ เพื่อที่จะสอนนักศึกษาว่า ในการสังเกตเด็กไม่ควรตัดสินเด็กโดยเอาความรู้สึกของตนเองมาตัดสิน แต่ควรดูจากพฤติกรรมและสิ่งที่สังเกตเห็นจริงๆ
ประเมินตนเอง
ตั้งใจเรียนมาก่อนเวลาแต่งตัวถูกต้องตามระเบียบ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆตั้งใจเรียนและค่อนข้างมาตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน
ประเมินอาจารย์
อาจารย์สอนเข้าใจอธิบายแบบระเอียดใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายเป็นกันเองกับนักศึกษาเข้าใจนักศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น